Teil der Rede คืออะไร
การรู้ Teil der Rede จะทำให้เราสามารถเข้าใจและใช้คำภาษาอังกฤษได้ถูกต้องมากขึ้น
Redeteil 8 ชนิด
(บางที่อาจแบ่ง Redeteil ออกเป็น 9 ชนิด โดยจะมี Determinator อย่างเช่น a, an, die, diese, das, jene, genug, wenige เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งชนิด)
Nomen (คำนาม)
ยกตัวอย่าง Substantiv เช่น
- ชื่อคน ชื่อสัตว์ ชื่อสถานที่ – Justin, Garfield, Bangkok, Mahidol University
- คน สัตว์ สิ่งของ สถานที่ กิจกรรม เหตุการณ์ – Frau, Katze, Bleistift, Hotel, Tennis, Hochzeit
- สิ่งที่เป็นนามธรรม – Idee, Glück, Gefahr, Beziehung
ตัวอย่าง Substantiv ในประโยค
Nomen ทำหน้าที่เป็นได้ทั้งประธาน กรรม และส่วนเติมเต็มในประโยค
Nomen ทำหน้าที่เป็นประธาน (Subjekt)
Susie kann sehr schnell schreiben.
ซูซี่เขียนได้ไวมาก
Mein Vater ist ein Arzt.
พ่อของฉันเป็นหมอ
Nomen ทำหน้าที่เป็นกรรม (Objekt)
Ich habe letzten Monat ein neues Auto gekauft.
ฉันซื้อรถใหม่เมื่อเดือนที่แล้ว
John fährt jedes Wochenende mit dem Fahrrad.
จอห์นขี่จักรยานทุกๆวันหยุดสุดสัปดาห์
Nomen ทำหน้าที่เป็นส่วนเติมเต็ม (Komplement)
Mein Cousin ist ein Student.
ลูกพี่ลูกน้องของฉันเป็นนักเรียน
Alles, was ich will, ist Glück.
สิ่งที่ฉันต้องการก็มีเพียงแค่ความสุข
จากตัวอย่าง ข้อแตกต่างระหว่างกรรมและส่วนเติมเต็มก็คือ กรรมเป็นผู้ถูกกระทำ แต่ส่วนเติมเต็มเป็นคำที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประธาน ซึ่งมักจะตามหลัง verbindendes Verb อย่างเช่น ist, am, are, was, were, feel, seem, sound, taste เป็นต้น
Pronomen (คำสรรพนาม)
Pronomen คือคำที่ใช้แทน Substantiv อย่างเช่น Ich, du, er, sie, es, wir, sie
ในภาษาอังกฤษ เราจะนิยมใช้ Pronomen แทนคำนามที่เคยกล่าวถึง เพื่อความสะดวกและความกระชับ อย่างในประโยค John ist mein Freund. Er wohnt in der gleichen Stadt wie ich. คำว่า er ในที่นี้ก็หมายถึง John นั่นเอง
John ist mein Freund. Ich wohne in der gleichen Stadt wie er.
John ist mein Freund. Ich wohne in der gleichen Stadt wie er.
ตารางด้านล่างนี้แสดงให้เห็นถึงรูปต่างๆของ Pronomen แต่ละตัว (ทุกคอลัมน์จะเป็น Pronomen หมด ยกเว้นคอลัมน์ที่ 3 ที่เป็น Adjektiv)
Pronomen ทำหน้าที่เป็นประธาน | Pronomen ทำหน้าที่เป็นกรรม | Adjektiv แสดงความเป็นเจ้าของ | Pronomen แสดงความเป็นเจ้าของ | Pronomen สะท้อน | |
---|---|---|---|---|---|
Ich | Mir | Mein | Mein | Mein | |
Du | Du | Dein | Dein | Dein/euch | |
Er | Er | Sein | Sein | Selbst | |
Sie | Sie | Sie | Sie | Sie selbst | |
Es | Es | Es | Es | Selbst | |
Wir | Uns | Uns | Uns selbst | ||
Sie | Sie | Sie | Ihre | Ihre | Sie selbst |
ตัวอย่าง Pronomen ในประโยค
Pronomen ทำหน้าที่เป็นประธาน (subjektives Pronomen)
Ich möchte Ingenieur werden.
ฉันอยากเป็นวิศวกร
Sie ist meine Freundin.
เธอเป็นแฟนของฉัน
Pronomen ทำหน้าที่เป็นกรรม (Objektivpronomen)
Anne ging mit ihm in den Park.
แอนไปสวนสาธารณะกับเขา
Du kannst uns von deinem Problem erzählen.
คุณเล่าปัญหาของคุณให้พวกเราฟังได้นะ
Pronomen แสดงความเป็นเจ้าของ (Possessivpronomen)
ความต่างของ Adjektiv และ Pronomen แสดงความเป็นเจ้าของก็คือ Pronomen แสดงความเป็นเจ้าของไม่ต้องมี Substantiv ตามหลัง อย่างเช่น Das ist mein Stift. >Dieser Stift gehört mir.
Diese Stifte gehören mir.
ปากกาพวกนั้นเป็นของฉัน
Ist diese Tasche deine oder ihre?
กระเป๋าใบนี้เป็นของคุณหรือของเธอ
Pronomen สะท้อน (Reflexivpronomen)
เราจะใช้ Pronomen สะท้อนเมื่อผู้ที่กระทำและผู้ที่ได้รับผลจากการกระทำเป็นคนเดียวกัน
Ich habe mich verletzt, als ich einen Apfel geschnitten habe.
ฉันทำตัวเองเจ็บในขณะที่ฉันกำลังหั่นแอปเปิ้ล
Sie macht das Make-up selbst.
เธอแต่งหน้าด้วยตัวเธอเอง
Verb (คำกริยา)
Verb (ตัวย่อ v.) คือคำที่ใช้แสดงการกระทำ สิ่งที่เกิดขึ้น หรือสภาวะ เช่น essen, fühlen, ist, bin, sind
Verb หลักและ Verb ช่วย
Verb แบ่งหลักๆได้เป็น 2 ชนิด คือ Verb หลัก (Hauptverb) และ Verb ช่วย (Hilfsverb)
Verb หลัก คือ Verb ที่เป็นใจความหลักของประโยค ส่วน verb ช่วย คือ verb ที่ช่วยเสริมเติมแต่งความหมายของ verb หลัก
อีกตัวอย่างหนึ่งเช่น Ich gehe in die Schule. ซึ่งแปลว่า ฉันกำลังไปโรงเรียน คำว่า gehen จะถือเป็น verb หลัก ส่วนคำว่า bin จะถือเป็น verb ช่วย ซึ่งในประโยคนี้ bin จะเข้าไปเสริมความหมายของคำว่า gehen ให้เห็นว่าเรากำลังทำสิ่งนั้นๆอยู่ (ซึ่งก็คือรูป present continuous tense นั่นเอง)
จากตัวอย่างเหล่านี้ เราจะเห็นได้ว่า verb ช่วยจะอยู่หน้า verb หลักเสมอ
ทั้งนี้ ประโยคที่สมบูรณ์จะต้องมี verb หลัก แต่ไม่จำเป็นต้องมี verb ช่วย อย่างเช่น Jeder liebt Schokolade. ซึ่งแปลว่า ทุกคนชอบช็อคโกแลต ประโยคนี้จะมีแค่ verb หลักเพียงอย่างเดียว ซึ่งก็คือคำว่า liebt
ตัวอย่าง verb ในประโยค
ประโยคที่มีแต่ verb หลัก
Ich lese jeden Tag Bücher.
ฉันอ่านหนังสือทุกวัน
Er ist ein Wissenschaftler.
เขาเป็นนักวิทยาศาสตร์
ประโยคที่มีทั้ง verb หลักและ verb ช่วย (verb ช่วยจะอยู่หน้า verb หลักเสมอ)
Maria darf auf die Party gehen.
มาเรียอาจไปงานปาร์ตี้
Wir planen unsere Sommerreise.
พวกเรากำลังวางแผนทริปช่วงซัมเมอร์
Adjektiv (คำคุณศัพท์)
Adjektiv (ตัวย่อ adj.) คือคำที่ทำหน้าที่ขยาย Substantiv หรือ Pronomen อย่างเช่นคำว่า groß, gut, reich, langsam
โดยทั่วไป Adjektiv จะอยู่หน้า Substantiv หรือหลัง verbindendes Verb (verbindendes Verb คือ Verb หลักที่ใช้เชื่อมระหว่างประธานกับคำที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับประธาน เช่น ist, bin, sind, fühlen, scheinen อย่างเช่นในประโยค Dieser Stift ist billig.)
ตัวอย่าง Adjektiv ในประโยค
Adjektiv อยู่หน้า Substantiv
Mein Hund hat braune Ohren.
สุนัขของฉันมีหูสีน้ำตาล
Ich will ein guter Schüler sein.
ฉันอยากเป็นนักเรียนที่ดี
Adjektiv อยู่หลัง verbindendes Verb
Sie sind klug.
พวกเขาฉลาด
Mein Haus ist groß und sauber.
บ้านของฉันใหญ่และสะอาด
Adverb (คำกริยาวิเศษณ์)
Adverb (ตัวย่อ adv.) คือคำที่ใช้ขยาย Verb, Adjektiv, Adverb หรือประโยค
Adverb ส่วนใหญ่จะลงด้วย ly อย่างเช่น schnell, langsam, fröhlich, traurig แต่ก็มีบางคำที่ไม่ได้ลงท้ายด้วย ly เช่น immer, nie, sehr, schnell
ตัวอย่าง adverb ในประโยค
Adverb ที่ขยาย verb
Ich wache immer um 6 Uhr auf.m.
ฉันตื่นตอน 6 โมงเช้าเป็นประจำ
(immer ขยายคำว่า aufwachen)
Sie hat schnell gegessen, weil sie zu spät zur Arbeit gekommen ist.
เธอกินอย่างรวดเร็วเพราะว่าเธอไปทำงานสาย
(schnell ขยายคำว่า aß)
Adverb ที่ขยาย Adjektiv
Er ist ein sehr guter Mensch.
เขาเป็นคนที่ดีมาก
(sehr ขยายคำว่า gut)
Du bist wirklich gut.
คุณใจดีมากเลย
(wirklich ขยายคำว่า freundlich)
Adverb ที่ขยาย adverb
Sie arbeiten extrem schnell.
พวกเขาทำงานกันเร็วมากๆ
(extrem ขยายคำว่า schnell)
Die Katze frisst sehr gerne.
แมวตัวนั้นกินแบบมีความสุขมาก
(sehr ขยายคำว่า glücklich)
Adverb ที่ขยายประโยค
Erstaunlicherweise haben viele Menschen überhaupt keine Ersparnisse.
ที่น่าประหลาดใจก็คือ หลายคนไม่มีเงินเก็บเลยแม้แต่นิดเดียว
(überraschenderweise ขยายทั้งประโยคหลังคอมม่า)
Leider lassen viele Eltern ihre Kinder zu viel Zucker essen.
ที่โชคร้ายก็คือ ผู้ปกครองหลายคนปล่อยให้ลูกได้รับน้ำตาลเยอะเกินไป
(leider ขยายทั้งประโยคหลังคอมม่า)
Präposition (คำบุพบท)
Präposition (ตัวย่อ prep.) คือคำที่เอาไว้หน้า Substantiv หรือ Pronomen เพื่อเชื่อม Substantiv หรือ Pronomen นั้นกับคำอื่น
ตัวอย่างคำที่สามารถใช้เป็น Präposition ได้ เช่น über, nach, als, bei, vor, durch, für, in, in, von, auf, zu, mit, ohne
ตัวอย่าง Präposition ในประโยค
Der Unterricht beginnt um 9 Uhr.
คาบเรียนเริ่มตอน 9 โมง
Ich wohne bei meinem älteren Bruder.
ฉันอยู่กับพี่ชาย
Willst du mit uns in die Bibliothek gehen?
คุณอยากไปห้องสมุดกับพวกเรามั้ย
Konjunktion (คำเชื่อม)
Konjunktion (ตัวย่อ conj.) คือคำที่ทำหน้าที่เชื่อมคำ วลี หรือประโยคเข้าด้วยกัน เช่น and, but, while, although
ตัวอย่าง conjunction ในประโยค
I love mom and dad.
ฉันรักแม่และพ่อ
Er hasst Mathe, aber er liebt Biologie.
เขาเกลียดเลข แต่เขาชอบชีวะ
Anne hat mich angerufen, während ich gefahren bin.
แอนโทรหาฉันตอนที่ฉันกำลังขับรถ
Interjektion (คำอุทาน)
Interjektion (ตัวย่อ interj.) คือคำสั้นๆที่ใช้แสดงอารมณ์ เช่น oh, hey, ouch, wow ถ้าเทียบกับคำไทยก็เช่น โอ้โห โอ๊ย ปัดโธ่ เป็นต้น
ตัวอย่าง Zwischenruf ในประโยค
Oh! Ich dachte, du würdest nicht kommen.
โอ้ ฉันคิดว่าคุณจะไม่มาซะแล้ว
Wow! Alle sehen so gut aus.
ว้าว ทุกคนหน้าตาดีกันทั้งนั้นเลย
Autsch! Meine Hand tut weh.
โอ๊ย เจ็บมือจัง